Digital Video Measurements (unit 3)



การเชื่อมต่อดิจิตอลวิดีโอ
               วิธีการเชื่อมต่อแบบดิจิตอลวิดีโอสามารถกล่าวอย่างรวบรัดก็คือวิธีการเชื่อมต่อกับโลกความเป็นจริงของเราในแบบแอนะลอกในจุดที่เหมาะสม   จากบล๊อคไดอะแกรมตามภาพที่ 5.จนถึงภาพที่ 8. สามารถช่วยให้เราทำความเข้าใจได้ว่าอุปกรณ์ในการผลิตวิดีโอจัดการกับสัญญาณองค์ประกอบของวิดีโอแบบดิจิตอลอย่างไร  ถึงแม้ว่าบล๊อคไดอะแกรมเหล่านี้จะแสดงให้เห็นเพียงแค่วิดีโอในระบบความคมชัดมาตรฐานก็ตาม (SD) เพราะว่า แนวคิดสำหรับวิดีโอในแบบความคมชัดสูง (HD) ยังคงเป็นวิธีการสุ่มข้อมูลเหมือนกันแต่ด้วยอัตราการสุ่มที่สูงกว่าและมีจำนวนบิตอยู่ที่สิบบิต  สำหรับช่องทางรับส่งข้อมูลการส่องสว่างและสัญญาณสีอาจต้องการการดูแลรักษาค่อนข้างสูงกว่าเนื่องจากการทำงานด้วยอัตราการรับส่งที่ความเร็วมากกว่าสัญญาณวิดีโอแบบความคมชัดมาตรฐานมาก
               การแก้ไขแกมมาของแม่สีทั้งสามในภาพที่ 5. ถูกปรับเปลี่ยนด้วยวิธีการเมตริกซ์เชิงเส้นให้เป็นองค์ประกอบของการส่องสว่างและองค์ประกอบทางสี ( Y’ , P’b and P’r )  อันเป็นไปตามที่ดวงตาของเรามีความไวของการเปลี่ยนแปลงทางรายละเอียดของแสงมากกว่าการเปลี่ยนแปลงของสี  สัญญาณการส่องสว่างจะถูกส่งผ่านในระบบด้วยแถบความถี่มากกว่า (5.5 MHz ในระบบความคมชัดแบบปกติ) ทั้งสัญญาณส่องสว่างและสัญญาณสีจะมีวงจรกรองจำกัดความถี่สูงเพื่อลดการรบกวนที่อาจเกิดขึ้นในขั้นตอนของกระบวนการสุ่มข้อมูลสัญญาณให้เป็นแบบดิจิตอล  ข้อมูลของการส่องสว่างที่ผ่านวงจรกรองความถี่สูงทิ้งไปแล้วจะถูกทำการสุ่มด้วยอัตราที่ 13.5 MHz  โดยมีวงจรทำหน้าที่แปลงจากแอนะลอกเป็นดิจิตอล (analog-to-digital converter) เพื่อผลิตข้อมูลต่อเนื่องขนาดสิบบิตที่อัตราการสุ่ม 13.5 ล้านบิตต่อวินาที  ในส่วนของข้อมูลของสัญญาณสีทั้งสองที่ผ่านวงจรกรองความถี่สูงทิ้งไปแล้วจะถูกทำการสุ่มที่ 6.75 MHz.  ด้วยวงจรแปลงจากแอนะลอกเป็นดิจิตอลเพื่อทำการผลิตข้อมูลแบบต่อเนื่องจำนวนสองชุดที่อัตรา 6.75 ล้านบิตต่อวินาที  จากนั้นข้อมูลของสัญญาณวิดีโอทั้งสามส่วนจะถูกนำมารวมเข้าด้วยกัน (multiplex) ให้เกิดเป็นข้อมูลชุดเดียวกันที่ขนาดสิบบิตขนานกันไปที่อัตรา 27 Mb/s
ภาพที่ 6 กระบวนการและการทำให้ข้อมูลแบบขนานเป็นแบบอนุกรม


ภาพที่ 7.การแปลงกลับข้อมูลแบบอนุกรมให้เป็นแบบขนาน
              จากภาพที่ 6. ในกระบวนการของอุปกรณ์ Coprocessor ใช้ทำหน้าที่เพิ่มสัญญาณระบบของฐานเวลาอ้างอิง  รวมไปถึงข้อมูลรูปแบบของเสียงแบบดิจิตอล (AES/EBU) และข้อมูลประกอบเพิ่มเติมอื่นๆเข้าไป สำหรับในส่วนของการคำนวณและตรวจเช็คผลรวม (CRC Calculation) ทำหน้าที่คำนวณข้อมูลและรวมเข้าด้วยกันให้เป็นข้อมูลแบบขนานต่อเนื่องกันไป  ต่อมาข้อมูลแบบขนานขนาดสิบบิตที่มีอัตราความเร็ว 27 ล้านบิตต่อนาทีจะถูกบรรจุไปที่ Shift Register เป็นการทำให้เป็นข้อมูลแบบอนุกรมที่ซึ่งมีฐานของเวลาที่มีอัตราความเร็วอยู่ที่ 270 ล้านบิตต่อวินาทีและถูกนำมาผสมผสานคลุกเคล้ากันสำหรับให้มีประสิทธิภาพในการนำส่ง จากตัวอย่างเป็นชนิดความคมชัดมาตรฐานตามข้อกำหนดของ ITU-R.BT-656/SMPTE 259M.

               สัญญาณวิดีโอชนิดความคมชัดมาตรฐานดังกล่าวสามารถนำส่งด้วยสายเคเบิ้ลวิดีโอได้ไกลประมาณ 300 เมตรด้วยความสมบูรณ์เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม  ในวิดีโอชนิดความคมชัดสูงตามมาตรฐาน SMPTE 292M นั้นมีอัตราความเร็วของสันญาณอยู่ที่ 1.485 พันล้านบิตต่อวินาที ระยะทางในสายส่งจะถูกจำกัดอยู่ทีความยาวประมาณ 100 เมตรเท่านั้น
               จากภาพที่ 7. ในส่วนของเครื่องรับนั้นทำหน้าที่ตรวจจับเมื่อพลังงานของฐานความถี่นาฬิกาลดลงเหลือครึ่งหนึ่งที่ถูกป้อนให้กับการชดเชยที่เหมาะสมของสัญญาณที่เข้ามาด้วยอัตราของข้อมูล 270 ล้านบิตต่อวินาที  ฐานเวลาของนาฬิกาที่มีความถี่ 270 ล้านครั้งจะถูกสร้างขึ้นใหม่จากขอบของสัญญาณแบบ NRZI (Non-Return to Zero Inverse) และสัญญาณที่ได้รับการชดเชยให้มีความเหมาะสมแล้วจะถูกทำการตรวจสอบเพื่อตัดสินสถานะของตรรกะว่าเป็นหนึ่งหรือศูนย์  ในส่วนของกระบวนการแปลงจากข้อมูลแบบอนุกรมให้เป็นข้อมูลแบบขนานและทำการแยกแยะข้อมูลที่คลุกเคล้ากันมานั้น (Deserializer and unscramble) ใช้ขั้นตอนวิธีการของการประกอบเข้ารหัสให้เป็นสัญญาณขาออกแบบสิบบิตที่มีอัตราความเร็ว 27 ล้านบิตต่อวินาที  ข้อมูลที่ถูกฝังรวมเข้ามาด้วยการตรวจสอบผลรวม (embedded checksum) จะถูกขุดออกมาโดยตัวเครื่องรับและทำการเปรียบเทียบกับผลผลิตที่ได้จากการตรวจสอบผลรวมของเครื่องรับเอง  ถ้าหากมีข้อผิดพลาดใดๆจะมีการรายงานและติดป้าย (flag) รวมไปกับข้อมูลแบบต่อเนื่อง  ในส่วนของโคโปรเซสเซอร์ทำหน้าที่ขุดเอาข้อมูลของเสียงและข้อมูลประกอบอื่นๆออกมา


ภาพที่ 8. การกู้คืนเอาสัญญาณแอนะลอกของแม่สีทั้งสามจากข้อมูลดิจิตอลแบบขนาน
              จากภาพที่ 8. ข้อมูลขนาดสิบบิตที่ขนานรวมกันมาจะถูกแยกออกด้วยกระบวนการที่เรียกว่าการ D-mux (demultiplexed) ให้ออกมาเป็นข้อมูลแบบดิจิตอลของข้อมูลการส่องสว่างและข้อมูลของสี  หลังจากนั้นจะถูกเปลี่ยนให้เป็นสัญญาณแบบแอนะลอกด้วยตัวแปลงข้อมูล (digital-to-analog converters) แล้วนำไปผ่านการกรองเพื่อสร้างข้อมูลแบบไม่ต่อเนื่องให้เป็นข้อมูลที่มีรูปคลื่นราบเรียบต่อเนื่องกันไปและผ่านกระบวนการเมตริกซ์ให้เป็นสัญญาณของแม่สีทั้งสามดังเดิมเพื่อแสดงผลบนจอภาพ

หมายเหตุ บทหน้าเป็นเรื่องของวิธีการสุ่มข้อมูลตามมาตรฐานของ ITU-R BT.601 และต่อด้วยมาตรฐานของการเชื่อมต่อแบบต่างๆ เช่น ANSI/SMPTE 259M   ANSI/SMPTE 274M


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การถ่ายทอดสดนอกสถานที่(Outside Broadcasting)

Automation solution