การตัดต่อวิดีโอ (Non Linear Editing)
Editing
ขั้นตอนของการตัดต่อเป็นกระบวนการที่นำเอาวัสดุรายการที่ผ่านการบันทึกแล้วมาเรียบเรียงผสมผสานเข้าด้วยกันเพื่อบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดกับผู้ชมอย่างเป็นขั้นเป็นตอน แต่ทว่าอย่างไรก็ดีการตัดต่อยังเป็นมากกว่าการนำเอาชิ้นส่วนแต่ละชิ้นมาต่อเข้าด้วยกันและบอกเล่าเนื้อเรื่องทั้งหมดแต่เพียงฉาบฉวยเท่านั้นเอง
มันยังเป็นเรื่องของการใช้เทคนิคของการเลือกสรรและการลำดับภาพอย่างให้ตรงกับข้อกำหนดและช่วงของเวลาในวิธีการซึ่งมันควรจะเชื่อมต่อกันอย่างไรด้วย
การตัดต่อยังเป็นสถานที่จุดนัดพบกันของภาพกราฟฟิก ดนตรี
การใส่เสียงเอฟเฟ็ค การใส่เทคนิคภาพพิเศษเพิ่มเติมให้กับเนื้อรายการที่ได้ถ่ายทำมาก่อนล่วงหน้าแล้วด้วย
ทั้งหมดนี้ย่อมเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อปฏิกิริยาของผู้ชมที่ได้เห็นและได้ฟังอะไรก็ตามที่ปรากฎบนจอรับภาพ
เจ้าหน้าที่ตัดต่อที่มีประสบการณ์มีส่วนอย่างมากในการประสบผลสำเร็จของการผลิตรายการใดๆก็ตาม
การตัดต่อที่ไม่ดีพอสามารถทำให้ผู้ชมสับสนหรือถ้าหากในกรณีที่เลวร้ายก็ทำให้รายการน่าเบื่อไปเลย กลไกของการตัดต่อนั้นเป็นเรื่องง่ายๆแต่ผลกระทบที่เกิดจากการตัดสินใจของผู้ตัดต่อนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องใช้เวลาและประสบการณ์เป็นอันมาก
ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำความรู้จักคุ้นเคยก่อนที่จะศึกษาเรื่องการตัดต่อ ดังนี้Clip เนื้อหาของวิดีโอที่ถ่ายทำต่อเนื่องกันในหนึ่งช่วง
Cover shot เนื้อหาของวิดีโอที่ผู้ตัดต่อนำมาใช้โดยที่ผู้ชมไม่พบเห็นว่ามีการตัดต่อ
Coverage หมายถึงการนำเสนอภาพในฉากจากหลายมุมกล้องของตัวแสดงหลายครั้งเพื่อให้
ยังคงความต่อเนื่องเอาไว้ได้
Continuity คือกระบวนการนำเสนอภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในฉากชนิดที่สามารถรักษา
การแสดงไว้ไม่ให้ผู้ชมพบสิ่งผิดปกติในฉากนั้นๆที่แตกต่างไปจากตอนเริ่มต้นของฉาก
Cut คำว่าคัทหรือเทคจะพบเห็นได้มากที่สุดของการตัดต่อหมายถึงว่าเป็นการเปลี่ยนไปยังฉากอื่นถัดมา
Cutaway shot มักถูกใช้ในกรณีที่การตัดต่อจำเป็นต้องขาดความต่อเนื่องเช่นด้วยวิธีการให้
ผู้แสดงเดินหลุดออกจากเฟรมไปเลย
Digitize เป็นขั้นตอนของการเปลี่ยนสัญญานภาพและเสียงของวิดีโอให้เป็นข้อมูลแบบดิจิตัล
Dissolve เป็นวิธีการเปลี่ยนภาพด้วยการทำให้ภาพเดิมค่อยๆเลือนหายไปและภาพใหม่เข้ามาแทน
DVE การทำเทคนิคภาพพิเศษแบบดิจิตัล
Fade เป็นการทำให้ภาพเปลี่ยนอย่างช้าๆระหว่างภาพมืดลงและภาพสว่างขึ้น
Jump cut การตัดต่อผิดที่ผิดหลักด้วยการนำภาพที่เหมือนกันทั้งขนาดและมุมกล้องมาต่อกัน
Running order เป็นข้อกำหนดของภาพในฉากที่จะปรากฎบนจอในขั้นตอนสุดท้าย
Shooting order เป็นข้อกำหนดของภาพหรือฉากที่จะถ่ายทำที่อาจไม่ใช่เป็นการต่อเนื่อง
Timeline หมายถึงส่วนของภาพกราฟิกสำหรับสื่อสารสั่งการกันระหว่างผู้ใช้งานกับเครื่องตัดต่อ
Trim การตัดวิดีโอที่ถ่ายทำแล้วบางส่วนออกไปทำให้สั้นลง
Voice over การบรรยายใส่เสียงหรือให้ความเห็นเพิ่มเติมในวิดีโอ
Wipe การกวาดภาพระหว่างฉากวิดีโอหนึ่งไปยังอีกฉากหนึ่ง
จุดมุ่งหมายของการตัดต่อ
โดยพื้นฐานแล้ว การตัดต่อหรือการทำงานภายหลังการถ่ายทำคือกระบวนการของการเชื่อมต่อของวิดีโอที่ถ่ายทำเสร็จแต่ละช่วงที่มีการกำหนดเอาไว้แล้วเข้าด้วยกัน โดยที่มันมีวัตถุประสงค์หลายประการด้วยกันดังนี้
ก)รวบรวมเอาส่วนประกอบทั้งหมดให้เป็นลำดับแบบที่นิยมกัน จงจำเอาไว้เสมอว่าลำดับขั้นของการถ่ายทำมักแตกต่างจากลำดับขั้นตอนที่ต้องการนำเสนอให้ปรากฎบนจอ
ข)เพื่อเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดด้วยการตัดต่อภาพที่เกิดจากการถ่ายทำจากหลายมุมกล้องหรืออาจเป็นภาพจากแหล่งอื่นๆเข้าด้วยกัน
ค)เพื่อเป็นการสร้างสรรค์ ประดับตกแต่งและเพิ่มให้ภาพมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้เครื่องมือที่ประกอบไปด้วย การทำเทคนิคภาพพิเศษ การใส่เสียงประกอบรายการ การใส่เสียงดนตรี ทั้งหมดนี้ย่อมเป็นการเพิ่มคุณภาพของการบอกเล่าเรื่องราวอันก่อให้เกิดผลกระทบที่หลากหลายแก่ผู้ชม
Shooting Order and Running Order
ในขั้นตอนของการถ่ายทำถ้าหากว่าเป็นไปได้ควรจะถ่ายให้ต่อเนื่องไปตามลำดับที่ได้วางแผนเอาไว้ก็จะทำให้ขั้นตอนของการตัดต่อนำมาเชื่อมโยงกันมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะว่ามันจะปรากฎให้เห็นความต่อเนื่องเป็นลำดับ แม้ว่าในขั้นตอนสุดท้ายแล้วภาพที่จะถูกนำเสนออาจมีความแตกต่างไปจากขั้นตอนของการถ่ายทำไปเลยก็ตาม ทั้งนี้อาจมีสาเหตุจากหลายปัจจัยดังต่อไปนี้
ก)ในบางครั้งการแสดงคือการถ่ายทำตั้งแต่เริ่มต้นไปจนจบแต่อาจเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นได้เช่นอาจมีการจุดไฟเผาขยะหรือทุ่งหญ้าในบริเวณใกล้เคียง
ข)ในส่วนของการแสดงที่มีทั้งหมดอาจมีบางช่วงบางตอนที่ผิดพลาดหรือไม่เป็นที่ต้องการ
ค)การแสดงหรือฉากอาจซ้ำกับของเดิมดังนั้นควรถ่ายทำด้วยมุมกล้องที่หลากหลาย
ง)ทุกฉากที่ถ่ายทำในสถานที่บริเวณเดียวกันควรจะถ่ายทำให้หมดก่อนจะย้ายไปยังสถานที่ใหม่
จ)วัตถุหรือสิ่งของที่ดูคล้ายกันควรจะถ่ายให้เห็นจากหลากหลายขั้นตอน ตัวอย่างเช่น การถ่ายให้เห็นลูกม้าที่เกิดใหม่ในปีแรก การเจริญเติบโตเป็นม้าวัยรุ่น การเป็นม้าที่โตเต็มวัยแล้ว ภายหลังเมื่อนำมาตัดต่อเข้าด้วยกันเพื่อบอกเป็นนัยแก่ผู้ชมถึงช่วงจังหวะชีวิตของม้าที่ต้องการนำเสนอ
Linear and Nonlinear Editing
การตัดต่อแบบลิเนียร์เป็นกระบวนการชนิดอัดทับหรือทำสำเนาลงบนเส้นเทปอีกม้วนหนึ่งให้ตรงตามข้อกำหนดที่ต้องการ การทำงานแบบนี้ได้ผลดีตามสมควรจนกระทั่งผู้กำกับหรือทีมงานต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงบางส่วนของบริเวณช่วงกลางของเส้นเทป นั่นย่อมหมายความว่างานทั้งหมดต้องนำเอามาเรียงลำดับกันใหม่ทั้งหมดทำให้เสียเวลาและเป็นเรื่องยุ่งยาก นอกจากนี้การตัดต่อแบบลิเนียร์ที่จำเป็นต้องทำสำเนาหลายครั้งยังทำให้คุณภาพของสัญญานภาพแย่ลงไปอีก การตัดต่อแบบลิเนียร์ทำได้ด้วยวิธีการใช้เครื่องเล่นเทปวิดีโอหนึ่งเครื่องกับเครื่องบันทึกวิดีโออีกหนึ่งเครื่อง โดยทั้งสองเครื่องจะถูกควบคุมการทำงานให้สัมพันธ์กันด้วยชุดควบคุม ยังคงมีงานบางหน่วยงานที่ใช้รูปแบบการทำงานแบบนี้อยู่เช่นใช้ในงานตัดต่อข่าวที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว
ในทุกวันนี้รายการโทรทัศน์และการผลิตวิดีโอส่วนใหญ่ใช้วิธีการตัดต่อด้วยระบบนอนลิเนียร์ ระบบการตัดต่อแบบนี้เป็นกระบวนการที่สัญญานวิดีโอถูกจัดเก็บไว้ในหน่วยบันทึกข้อมูลความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์ ดังนั้นจึงสามารถนำเอาข้อมูลของภาพและเสียงเหล่านั้นมาจัดวางหรือนำมาเรียบเรียงได้ตามต้องการ นอกจากนี้ยังสามารถทำเทคนิคภาพพิเศษหรือใส่เสียงประกอบรายการและใส่ภาพกราฟิกได้ด้วย ทั้งหมดนี้เป็นการทำงานด้วยการใช้โปรแกรมตัดต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ การตัดต่อด้วยระบบเช่นนี้ย่อมมีความง่ายในการเปลี่ยนหรือเคลื่อนย้ายคลิปวิดีโอใดๆก็ตามจนกว่าผู้กำกับและทีมงานจะพึงพอใจ กล้องวิดีโอแบบดิจิตัลที่บันทึกข้อมูลลงบนหน่วยความจำยังช่วยให้การเริ่มต้นงานทำได้สะดวกและรวดเร็วเพราะไม่จำเป็นต้องแปลงไฟล์อีก ระบบตัดต่อแบบนี้ยังมีราคาอุปกรณ์ถูกกว่าระบบเดิมมาก ภายหลังจากทำการตัดต่อเสร็จสมบูรณ์แล้วก็สามารถส่งต่อไปยังสื่อใดๆที่ต้องการใช้บันทึกได้ทันที
อุปกรณ์เครื่องมือตัดต่อวิดีโอ
อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการตัดต่อประกอบด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีโปรแกรมตัดต่อ จอภาพ ลำโพง เครื่องผสมสัญญาณเสียงและอุปกรณ์ประกอบอื่นๆทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระบบและระดับความซับซ้อนของงานที่ทำเป็นสำคัญ
สัญญานวิดีโอสามารถนำเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์จากเครื่องบันทึกเทปวิดีโอ กล้องถ่ายวิดีโอ หรือเป็นอุปกรณ์ประเภทบันทึกด้วยสื่อชนิดหน่วยความจำ วิธีการง่ายที่สุดและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายคือการใช้การเชื่อมต่อด้วยสายไฟร์วายที่สามารถควบคุมและทำการเคลื่อนย้ายข้อมูลขนาดใหญ่ได้สะดวกรวดเร็ว
ขั้นตอนเริ่มต้นของการตัดต่อ
การตัดต่อเป็นหนทางที่ทำให้เกิดการแก้ไขและปรับปรุงการผลิตรายการในขั้นตอนสุดท้ายด้วยวิธีการต่างๆอันประกอบไปด้วยการจัดลำดับและนำเอาส่วนที่ซ้ำกันไม่น่าสนใจออกไปหรือทำให้สั้นลง การแก้ไขส่วนของการแสดงที่ผิดพลาดด้วยการนำส่วนที่ถูกต้องเข้ามาแทรกแทนที่ และการปรับแต่งช่วงระยะเวลาของรายการทั้งหมด
การทำงานมักเริ่มต้นด้วยการเลือกหาดูว่ามีวัสดุรายการอะไรบ้างแล้วดำเนินการดังต่อไปนี้
ก)เลือกเอาเฉพาะส่วนที่ต้องการ
ข)การตัดสินใจเลือกตั้งอยู่บนเงื่อนไขและช่วงเวลาของแต่ส่วน
ค)การตัดสินใจเลือกนำเอาของแต่ละส่วนมาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน
ง)การตัดสินใจเลือกรูปแบบของการเชื่อมต่อระหว่างจุดเชื่อมต่อเหล่านั้น
จ)สร้างสรรค์ให้เกิดความราบรื่นกลมกลืนของภาพและเสียงอย่างต่อเนื่อง
การเลือกเอาเฉพาะส่วนที่จำเป็น
มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่การถ่ายทำจริงมักจะมากเกินกว่าความสามารถใช้งานจริง นี้คือความหมายของ”อัตราส่วนการถ่ายทำ”ที่อาจมีเพียงเศษหนึ่งส่วนสิบของวัสดุรายการที่ถ่ายทำมาอาจถูกใช้งานในขั้นตอนสุดท้ายของการตัดต่อเท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าในระหว่างการถ่ายทำไม่มีเวลาเพียงพอที่จะตรวจสอบผลงานที่ได้รับ ในขณะที่การตรวจสอบในขั้นตอนการตัดต่อทำได้ละเอียดถี่ถ้วนและทำให้มีทางเลือกมากกว่า ทั้งนี้โดยทั่วไปแล้วจะพบว่า
ก)ช่วงของการถ่ายทำที่ดีสามารถเลือกเอาไปใช้ได้โดยง่าย
ข)ช่วงของการถ่ายทำที่ไม่สามารถนำไปใช้งานเพราะว่าถูกตรวจพบข้อผิดพลาดต่างๆนาๆ
ค)ช่วงของถ่ายทำซ้ำๆเพื่อเลือกเอาช่วงที่ดีที่สุด
ง)ช่วงของการถ่ายทำเอาไว้เผื่อเลือกทดแทน
จ)ช่วงที่เป็นการถ่ายทำสำรองเผื่อไว้ในกรณีที่อาจเป็นประโยชน์ถ้าหากว่าไม่อาจใช้วิธีการตัดต่อตามปกติได้เช่น การให้ผู้แสดงเดินหลุดออกจากเฟรมไปเลย เป็นต้น
ดังนั้นในขั้นตอนแรกของการตัดต่อคือการเลือกดูว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องการนำมาใช้และอะไรคือสิ่งที่ไม่จำเป็น ในขณะที่ทำการเลือกช่วงเวลาของส่วนที่ต้องการแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการตัดสินใจบนเงื่อนไขที่ว่ามันจะนำเสนออะไรกับผู้ชมด้วย
เงื่อนไขของแต่ละช่วง
เพื่อให้การตัดต่อประสบผลสำเร็จ ผู้ทำการตัดต่อจำเป็นต้องจินตนาการให้ตัวเองอยู่ในฐานะเป็นผู้ชม คนดูส่วนใหญ่ย่อมมองหาบทสรุปของแต่ละฉากและตามด้วยเหตุการณ์ที่จะเกิดตามมา สำหรับในครั้งแรกของภาพแต่ละช่วงที่ปรากฎขึ้นผู้ชมจำเป็นต้องแปลความหมายของมันและนำไปอ้างอิงกับภาพช่วงที่ปรากฎมีขึ้นก่อนหน้านี้แล้วก็สร้างความคิดล่วงหน้าเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังดูอยู่
ถ้าเป็นการตัดต่อด้วยช่วงสั้นๆเรียงติดต่อเข้าด้วยกันแล้วรายการจะปรากฎแก่สายตาผู้ชมในลักษณะตื่นเต้น เร่งรีบหรืออาจดูเป็นความสับสน ในทางกลับกันถ้าเป็นการตัดต่อด้วยจังหวะช้าๆและใช้ช่วงเวลาให้ยาวขึ้นแล้วภาพที่ปรากฎจะดูอ่อนโยน พักผ่อนครุ่นคิดคำนึง เศร้าหมอง
ตรงไหนคือจุดตัดต่อที่ดี
ช่วงเวลาสำคัญที่เลือกให้ภาพนั้นเป็นจุดตัดต่อสามารถส่งผลกระทบถึงความราบรื่นกับภาพฉากอื่นถัดไปด้วย
เช่นถ้าในตอนแรกแสดงให้เห็นคนกำลังเดินไปเพื่อเปิดประตู และช่วงต่อมาเป็นภาพถ่ายใกล้ให้เห็นมือจับลูกบิดประตู ผู้ตัดต่อต้องคำนึงถึงเรื่องต่อไปนี้คือ
ต้องไม่เป็นการตัดซ้ำให้เห็นมือจับลูกบิดสองครั้งและต้องไม่ทำให้เป็นการยืดเยื้อออกไปด้วยการเสียเวลารอจนกระทั่งเห็นการหมุนลูกบิดในฉากต่อมา
ทั้งนี้ผู้ตัดต่อส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าการตัดต่อควรปรากฎขึ้นในภาพของทุกขณะที่มีการเคลื่อนไหว
ความราบรื่นของการต่อเนื่องสามารถแปรเปลี่ยนไปตามสถานะการณ์
ถึงแม้ว่าจะมีการเคลื่อนไหวก็ตามแต่ไม่จำเป็นต้องให้มีการเสียเวลาไปกับทุกส่วนของความเคลื่อนไหว
เพราะก่อให้เกิดความเบื่อหน่ายต่อการติดตามเรื่องผู้ชมโดยไม่จำเป็น เนื่องจากผู้ชมทราบดีว่าอะไรเป็นสิ่งที่คาดหวังและทำความเข้าใจได้เองว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น
เหล่านี้เป็นวิธีการเล่าเรื่องแบบปราศจากการเสียเวลาโดยใช่เหตุ
ในทำนองกลับกันมันมีความเป็นไปได้ที่จะยืดเวลาออกไปด้วยวิธีการสร้างให้เกิดผลกระทบแบบละคร
เช่นถ้ามีภาพคนกำลังตั้งเวลาให้กับระเบิด
แล้วภาพตัดไปให้เห็นคนในห้องถัดไป ต่อมาเป็นอารมณ์ความรู้สึกของตัวโกงที่กำลังตั้งเวลา ต่อมาตัดให้เห็นเป็นภาพถนนภายนอก ตัดกลับมายังตัวเลขบนระเบิดที่กำลังนับถอยหลัง
ทั้งหมดนี้เป็นการสร้างอารมณ์ให้ตึงเครียดด้วยเวลาที่มากเกินไปจากความจริงที่เป็นเวลาของระเบิด
การทำเทคนิคภาพพิเศษและรูปแบบของการเปลี่ยนผ่าน
ระบบการตัดต่อแบบนอนลิเนียร์มักมีเทคนิคภาพพิเศษให้ใช้มากมายเพื่อเป็นการยกระดับให้รายการมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น
แต่ทว่าผู้ที่ตัดต่อและผู้กำกับจำเป็นต้องระมัดระวังในการใช้ให้เหมาะสม
ทั้งนี้การใช้มันบ่อยเกินความจำเป็นย่อมหมายถึงการผลิตแบบ มือสมัครเล่น ตัวอย่างเทคนิคเหล่านี้เช่น
ก)การแช่ภาพหยุดการเคลื่อนไหว
ข)การทำให้เกิดการเคลื่อนไหวเป็นช่วงๆ
ค)การทำให้ภาพเคลื่อนไหวเร็วกว่าความเป็นจริง
ง)การทำภาพเคลื่อนไหวถอยหลังในทิศทางตรงข้าม
จ)การทำให้เป็นภาพซ้อนลงบนอีกภาพหนึ่ง
ฉ)การลดรายละเอียดของภาพให้เป็นภาพหยาบๆ
สำหรับวิธีการเปลี่ยนภาพในแต่ละช่วงด้วยวิธีธรรมดาทั่วไปมีสี่ชนิดคือ
การตัดภาพแบบทันทีทันใด(cut)จากฉากหนึ่งไปยังภาพอีกฉากหนึ่ง การเปลี่ยนภาพอย่างช้าๆ(dissolve or
superimpose)ด้วยการทำให้ภาพเดิมค่อยๆเปลี่ยนเป็นอีกภาพหนึ่งมันจะให้ความรู้สึกที่อ่อนโยนมากกว่าการตัดภาพมักใช้แสดงถึงการเปลี่ยนช่วงเวลาหรือสถานที่และที่นิยมใช้กันมากคือใช้กับการแสดงดนตรี
การกวาดภาพ (wipe) เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการเปลี่ยนภาพที่มีรูปทรงหลากหลายแต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับโอกาสใช้งานด้วยถ้าหากว่าใช้บ่อยเกินย่อมเป็นเครื่องหมายของ มือสมัครเล่น การเปลี่ยนภาพชนิดสุดท้ายคือการทำให้ภาพค่อยๆมืดลงหรือในทางกลับกันทำให้จากมืดเป็นสว่างอยู่ในระดับปกติ (fade) ส่วนมากมักใช้ในช่วงเริ่มต้นหรือจบรายการแต่ละช่วง
เทคนิคการตัดต่อที่ดี
การตัดต่อมีความคล้ายกับงานศิลปะหัตถกรรมอื่นๆในกรณีที่ว่าถ้าผู้ผลิตมีทักษะที่ดีแล้วจะไม่ทำให้ผู้ชมดูเกิดความรำคาญ
ในการตัดต่อก็เช่นกันถ้าทำออกมาดีผู้ชมก็จะไม่ประท้วงแต่จะซึมซับเอาผลที่เกิดขึ้นจากงานนั้นเข้าไป
ตัวอย่างเช่นในฉากที่ตื่นเต้นเร้าใจที่ประกอบไปด้วยช่วงสั้นๆเพื่อก่อให้เกิดความตึงเครียด
ผู้ชมย่อมตระหนักได้เพียงถึงการเพิ่มขึ้นของการปลุกเร้าให้มีความรู้สึกเป็นกังวลและมองเห็นภาพของการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเท่านั้น
มันมีกฎเกณฑ์ที่ตั้งขึ้นมาสำหรับวิธีการตัดต่อ
และย่อมเป็นเช่นกฎทั่วไปที่ว่าในบางโอกาสแล้วก็สามารถละเลยได้เช่นกันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของการทำงานเป็นสำคัญ
ดังต่อไปนี้คือ
ก)หลีกเลี่ยงการตัดภาพที่มีขนาดแตกต่างกันมากๆของวัตถุชิ้นเดียวกันเพราะว่าทำให้ผู้ชมรู้สึกกระตุกตกใจหรือประหลาดใจ
ข)อย่าตัดภาพระหว่างคนสองคนที่มีขนาดเท่ากันหรือคล้ายกันเพราะจะดูเหมือนว่าผู้นั้นกลายร่าง
ค)อย่าตัดภาพวัตถุเดียวกันด้วยขนาดภาพเท่ากันเพราะทำให้ภาพโดด
ง)ถ้าวัตถุสองสิ่งกำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน
ควรปล่อยให้ทั้งคู่เคลื่อนที่ผ่านจอไปในทิศทางเดียวกัน
แต่ถ้าเป็นการเคลื่อนที่สวนทางกันย่อมหมายถึงการพบกันหรือจากกันไป
จ)ถ้ามีวัตถุกำลังเดินทางผ่านจอในทิศทางใดๆ
ในฉากถัดมาก็ควรเป็นทิศทางเดียวกันเว้นไว้แต่ว่าได้ปรากฎภาพให้เห็นก่อนแล้วว่าวัตถุนั้นได้หมุนตัวกลับทิศทาง
ฉ)หลีกเลี่ยงการตัดภาพระหว่างภาพที่กล้องอยู่นิ่งกับภาพที่เกิดจากกล้องเคลื่อนไหวด้วยการแพน
ทิ้ลท์ ซูม ยกเว้นมีวัตถุประสงค์เฉพาะ
ช)หลีกเลี่ยงการตัดภาพระหว่างวัตถุที่อยู่นิ่งกับภาพวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหว เพราะเป็นเหตุให้สกัดกั้นความต่อเนื่อง
ผู้ชมมีความจำเป็นต้องเห็นวัตถุหยุดการเคลื่อนไหวก่อนที่จะถึงฉากถัดมา
ณ)ถ้าหากว่าเป็นการสกัดกั้นความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องควรใช้วิธีการทำให้หลุดจากเฟรมไปเลย
แต่ต้องพยายามให้แน่ใจได้ว่ายังคงรักษาความหมายของการเคลื่อนไหวนั้นไว้ได้ ตัวอย่างเช่นการตัดภาพไปยังใบหน้าคนดูที่กำลังตื่นเต้นในฉากการแข่งขันชกมวยย่อมสร้างความเร้าใจ
แต่ถ้าตัดภาพไปยังคนดูที่แสดงความรู้สึกเบื่อหน่ายย่อมปราศจากความหมาย
ญ)หลีกเลี่ยงการตัดภาพที่เป็นบุคคลหรือวัตถุกระโดดข้ามจากด้านหนึ่งของจอภาพไปอยู่อีกด้าน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น